กิจกรรมฝึกอบรมวิชาชีพ (การเรียนรู้ตลอดชีวิต) Vocational training events (lifelong learning)
โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการในโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ระยะการเข้าสู่วิชาชีพ รุ่นบรรจุปี 2566 (รุ่นที่ 8)
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในฐานะแม่ข่ายสถาบันผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่นในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ระยะการเข้าสู่วิชาชีพ รุ่นบรรจุปี 2566 (รุ่นที่ 8) ระหว่างวันที่ 7–8 เมษายน พ.ศ. 2568 ณ โรงแรมอวานี ขอนแก่น โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างสถาบันเครือข่ายผลิตครูในโครงการฯ สร้างเครือข่ายความเข้มแข็งของครูรุ่นใหม่ และพัฒนาสมรรถนะของครูให้พร้อมปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพในศตวรรษที่ 21 ภายใต้แนวคิด “AI for Lifelong Educators” การอบรมครั้งนี้มุ่งเน้นให้ครูบรรจุใหม่ในโครงการฯ จำนวน 382 คน จากสถาบันเครือข่ายทั้ง 19 แห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ได้รับการพัฒนาเชิงวิชาชีพทั้งด้านองค์ความรู้และทักษะการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อการจัดการเรียนรู้ การออกแบบสื่อ และการสร้างนวัตกรรมการสอนที่ตอบสนองต่อผู้เรียนยุคดิจิทัล โดยมีการอบรมเชิงปฏิบัติการแบบกลุ่มย่อย “Smart Teacher 1–7” จำแนกตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ พร้อมนำเสนอผลงานต่อผู้ทรงคุณวุฒิและมอบรางวัล Outstanding Innovations Awards เพื่อเชิดชูครูผู้พัฒนานวัตกรรมโดดเด่น ผลจากการดำเนินกิจกรรมคาดว่าจะทำให้ครูในโครงการมีความรู้และทักษะในการใช้ AI อย่างสร้างสรรค์และมีจริยธรรม สามารถออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้และสื่อที่ส่งเสริมการเรียนรู้เฉพาะบุคคล ตลอดจนเกิดต้นแบบนวัตกรรมการสอนที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในโรงเรียนท้องถิ่น ซึ่งจะส่งผลต่อการยกระดับคุณภาพผู้เรียนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนให้ก้าวทันมาตรฐานการศึกษาในระดับประเทศและนานาชาติ อีกทั้งยังเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์เพื่อสนับสนุนนโยบายการพัฒนาครูรุ่นใหม่ในอนาคต และสะท้อนบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ของคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในการขับเคลื่อน “ครูคืนถิ่นคุณภาพสูง” สู่การเป็นกำลังสำคัญของการเปลี่ยนแปลงการศึกษาไทยในยุคปัญญาประดิษฐ์อย่างยั่งยืน
รายละเอียดกิจกรรม https://www.kku.ac.th/th/221820/
โครงการการอบรมเชิงปฏิบัติการ “จิตวิทยาการให้คำปรึกษาเพื่อพัฒนาทักษะครูในการดูแลสุขภาวะทางใจของนักเรียน”
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ “จิตวิทยาการให้คำปรึกษามุ่งพัฒนาทักษะครูในการดูแลสุขภาวะทางใจของนักเรียน” เมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2568 เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะด้านการดูแลผู้เรียนเชิงจิตวิทยาให้แก่ครู บุคลากรทางการศึกษา และนักศึกษาวิชาชีพครู โดยมีความเป็นมาจากสถานการณ์ปัญหาสุขภาพจิตของผู้เรียนที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งด้านความเครียด วิตกกังวล และปัญหาความสัมพันธ์ ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมการเรียนรู้และคุณภาพชีวิตของนักเรียนในระยะยาว ครูจึงต้องมีทักษะการสังเกต การให้คำปรึกษาเบื้องต้น และการดูแลทางจิตใจอย่างถูกวิธี โครงการนี้จึงจัดขึ้นเพื่อให้ครูมีองค์ความรู้ทางจิตวิทยาการให้คำปรึกษา สามารถคัดกรองภาวะเสี่ยงของผู้เรียน สื่อสารเชิงบวก และส่งต่อกรณีที่ต้องการความช่วยเหลือเฉพาะทางได้อย่างเหมาะสม การอบรมมุ่งเน้นการบูรณาการทั้งความรู้และทักษะเชิงปฏิบัติ เพื่อสร้างครูที่เข้าใจผู้เรียนในระดับอารมณ์และจิตใจ ตลอดจนวางรากฐานการพัฒนาระบบสนับสนุนสุขภาวะทางใจในสถานศึกษาอย่างยั่งยืน โดยมีผู้เข้าร่วมอบรมจำนวน 63 คน ประกอบด้วยครูแนะแนว บุคลากรทางการศึกษา นักศึกษาวิชาชีพครู และผู้บริหารสถานศึกษา ผลที่คาดว่าจะได้รับคือ ผู้เข้าร่วมมีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะเชิงปฏิบัติด้านจิตวิทยาการให้คำปรึกษา สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดูแลนักเรียนในมิติอารมณ์และจิตใจได้จริง เกิดเครือข่ายครูและบุคลากรที่มีศักยภาพในการดูแลสุขภาวะทางใจของผู้เรียน และสามารถต่อยอดสู่การพัฒนาหลักสูตรหรือระบบสนับสนุนด้านสุขภาพจิตเชิงองค์รวมในอนาคต อันจะนำไปสู่การสร้างโรงเรียนที่ปลอดภัยและเอื้อต่อการเรียนรู้อย่างยั่งยืนทั้งด้านร่างกายและจิตใจของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21
ลายละเอียดกิจกรรม https://ednet.kku.ac.th/site/news/13194/
โครงการ Hackathon & Pitching E-SAN Thailand Season 2 พัฒนาเยาวชนสู่ผู้นำด้าน Coding และ AI
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคนและทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาการวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค./PMU-B) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมพันธมิตรภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานด้านเทคโนโลยี ได้จัดการแข่งขัน “Hackathon & Pitching E-SAN Thailand PMU-B Coding & AI Academy Season 2” ระหว่างวันที่ 9–11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ณ โรงแรมอวานี ขอนแก่น โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาเยาวชนให้มีสมรรถนะด้าน STEM, Coding และ Artificial Intelligence (AI) ทั้งในระดับพื้นฐานและระดับสูง พร้อมเสริมทักษะการคิดเชิงระบบ การทำงานเป็นทีม และการนำเสนอเชิงนวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์การพัฒนากำลังคนดิจิทัลของประเทศในอนาคต
โครงการนี้เกิดขึ้นจากบริบทที่ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรมและดิจิทัล ซึ่งต้องการกำลังคนที่มีทักษะด้านเทคโนโลยีขั้นสูง แต่โอกาสในการเข้าถึงการเรียนรู้ Coding และ AI ของเยาวชนในภูมิภาคยังไม่เท่าเทียม คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จึงมุ่งสร้างพื้นที่เรียนรู้แบบ project-based learning ให้เยาวชนได้ฝึกคิด ลงมือทำ และนำเสนอแนวคิดเชิงโครงการต่อคณะผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคอุตสาหกรรมจริง กิจกรรมประกอบด้วย 3 รอบการแข่งขัน ได้แก่ รอบ Basic STEM Coding & AI Skills มีผู้เข้าร่วมกว่า 1,000 คน ทั่วประเทศ รอบ Advance STEM Coding & AI Skills and Proposal Round คัดเหลือ 300 คน และรอบสุดท้าย Hackathon & Pitching จำนวน 20 ทีม รวม 57 คน ที่นำเสนอผลงานต่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ผลจากการจัดโครงการคาดว่าจะทำให้เยาวชนผู้เข้าร่วมมีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะเชิงลึกด้าน Coding และ AI สามารถพัฒนาแนวคิดและต้นแบบผลงานได้จริง เกิดทักษะการทำงานเป็นทีม การคิดเชิงระบบ และการนำเสนอเชิงมืออาชีพ รวมทั้งเกิดเครือข่ายการเรียนรู้ระหว่างเยาวชน นักวิจัย และภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นฐานสำคัญของการพัฒนากำลังคนด้านดิจิทัลในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และขยายผลสู่ระดับประเทศ เพื่อยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นผู้สร้างเทคโนโลยี ไม่ใช่เพียงผู้ใช้งาน สนับสนุนทิศทางเศรษฐกิจนวัตกรรมของประเทศอย่างยั่งยืน
รายละเอียดกิจกรรม https://www.kku.ac.th/th/214985/
โครงการการประชุมวิชาการระดับนานาชาติ The 18th International Conference on Educational Research (ICER2025) และการประชุมวิชาการระดับชาติสำหรับครูในโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น The 5th National Teacher Induction Expo (NTIE2025)
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้จัดการประชุมวิชาการระดับนานาชาติ ICER2025 ควบคู่กับการประชุมวิชาการระดับชาติ NTIE2025 ระหว่างวันที่ 22–23 สิงหาคม พ.ศ. 2568 ณ โรงแรมอวานี ขอนแก่น โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ เพื่อสร้างเวทีทางวิชาการที่เชื่อมโยงนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) กับการพัฒนาทักษะความเป็นมนุษย์ (Human Skills) ให้สอดคล้องกับบริบทการศึกษาในยุค Industry 5.0 การประชุมจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Empowering Future-Ready Education” เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายใหม่ของระบบการศึกษาไทยและโลกที่ต้องพัฒนา “ครู” และ “ผู้เรียน” ให้สามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างมีจริยธรรม คิดเชิงวิพากษ์ ทำงานร่วมกับผู้อื่น และเป็นผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสังคม การประชุมในครั้งนี้เป็นการบูรณาการระหว่างองค์ความรู้เชิงวิจัยทางการศึกษาและแนวปฏิบัติจริงของครู โดยเชื่อมโยงเวทีนักวิจัย นักการศึกษา และผู้พัฒนานโยบายกับครูรุ่นใหม่ในโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ผ่านกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ
เช่น Keynote Speech, Oral Presentation, Poster Presentation, Workshop, Showcase และ Teacher Development Forum ซึ่งเปิดโอกาสให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เชิงทฤษฎีและเชิงปฏิบัติอย่างรอบด้าน การประชุมได้รับความสนใจจากนักวิชาการ นักวิจัย ครู คณาจารย์ และผู้บริหารด้านการศึกษา ทั้งในและต่างประเทศ รวมกว่า 450 คน ผลที่คาดว่าจะได้รับคือ การเกิดเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการและวิชาชีพในระดับชาติและนานาชาติ การขยายองค์ความรู้ด้าน AI และ Human Skills สู่การพัฒนาครูและห้องเรียนไทยอย่างเป็นระบบ ตลอดจนการยกระดับคุณภาพของการศึกษาสู่มาตรฐานสากล เพื่อเตรียมพร้อมครูและผู้เรียนให้สามารถปรับตัวและขับเคลื่อนประเทศสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรมในยุค Industry 5.0 ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
รายละเอียดกิจกรรม https://kku.ac.th/th/243209/
โครงการ “Capacity Development Workshop on Education Project Planning and Management” เสริมศักยภาพผู้บริหารระดับสูง กระทรวงศึกษาธิการและกีฬา สปป.ลาว ภายใต้ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น
มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยคณะศึกษาศาสตร์และวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ “Capacity Development Workshop on Education Project Planning and Management” ระหว่างเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2568 เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้บริหารระดับสูงจากกระทรวงศึกษาธิการและกีฬา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ด้านการวางแผนและบริหารโครงการทางการศึกษาให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษาขั้นพื้นฐานของประเทศ โดยมีการบรรยายและฝึกปฏิบัติการ ณ ห้องประชุมอุดรตันติสุนทร วิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น และการศึกษาดูงาน ณ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น ฝ่ายนานาชาติ และฝ่ายมัธยมศึกษา (มอดินแดง) การอบรมได้รับเกียรติเปิดโดยศาสตราจารย์ ดร.ธิดารัตน์ บุญมาศ รองอธิการบดีฝ่ายวิสาหกิจและสังคมยั่งยืน และดำเนินการโดยทีมวิทยากรจากคณะศึกษาศาสตร์ นำโดยรองศาสตราจารย์ ดร.อิศรา ก้านจักร คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ พร้อมด้วยอาจารย์ ดร.ชญาชล เชื้อนนท์ และอาจารย์ชินภัทร จันทร์เรือง ร่วมกับผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศิริศักดิ์ เหล่าจันขาม คณบดีวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น โดยจัดการบรรยายและกิจกรรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “ปรัชญาและกระบวนทัศน์ใหม่ในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานและกรณีศึกษาเปรียบเทียบ” ซึ่งเปิดพื้นที่ให้ผู้บริหารจาก สปป.ลาว นำโดยท่านสีทอง สีขาว รักษาการอธิบดีกรมแผนการ กระทรวงศึกษาธิการและกีฬา ได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวทางพัฒนาการศึกษาเชิงระบบร่วมกับผู้เชี่ยวชาญไทย การศึกษาดูงานยังครอบคลุมการเรียนรู้แนวทางจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) และการนำนวัตกรรมมาส่งเสริมการเรียนรู้ในโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น รวมถึงการเยี่ยมชมนิทรรศการ “KKUIDS EXPO 2025: Driving Innovation for a Sustainable Future” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนักเรียนไทยในการพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ระดับสากล การจัดอบรมครั้งนี้จึงมีความสำคัญทั้งในเชิงวิชาการและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เนื่องจากเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการระหว่างไทยและลาว เสริมสร้างความเข้าใจร่วมในปรัชญาและแนวคิดใหม่ทางการศึกษา ตลอดจนยกระดับคุณภาพการบริหารจัดการศึกษาในภูมิภาคอาเซียน โดยมีผู้เข้าร่วมรวมประมาณ 30 คน ซึ่งประกอบด้วยคณะผู้บริหารจาก สปป.ลาว คณาจารย์มหาวิทยาลัยขอนแก่น และผู้แทนจากโรงเรียนสาธิต ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการ ได้แก่ การเพิ่มพูนความรู้ด้านการวางแผนและบริหารโครงการทางการศึกษาในระดับนโยบาย การสร้างต้นแบบความร่วมมือทางวิชาการระดับภูมิภาค และการส่งเสริมบทบาทของมหาวิทยาลัยขอนแก่นในฐานะสถาบันชั้นนำระดับนานาชาติด้านการพัฒนาครูและนโยบายการศึกษาอย่างยั่งยืน
รายละเอียดกิจกรรม https://kku.ac.th/th/236630/
โครงการ “Rice Field Day การผลิตเมล็ดพันธุ์อินทรีย์ข้าวเหนียวพันธุ์ใหม่ มข.60-1 และ มข.60-2” ขับเคลื่อนชุมชนสู่เกษตรอินทรีย์ยั่งยืน
มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยคณะเกษตรศาสตร์ ได้จัดกิจกรรม “Rice Field Day” เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2568 ณ ศูนย์วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์นาภู อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยพันธุ์ข้าวเหนียวใหม่ มข.60-1 และ มข.60-2 ที่พัฒนาโดยทีมวิจัยคณะเกษตรศาสตร์ นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จิรวัฒน์ สนิทชน ภายใต้โครงการ “การส่งเสริมการผลิตข้าวเหนียว มข.60 เชิงพาณิชย์และเพื่อความมั่นคงทางด้านเมล็ดพันธุ์” ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากโครงการพัฒนาหน่วยงานวิสาหกิจและชุมชนอย่างยั่งยืน ผลการวิจัยตลอดกว่า 8 ปี สามารถพัฒนาข้าวเหนียว มข.60-1 ซึ่งไม่ไวแสงและต้านทานโรคไหม้ และ มข.60-2 ซึ่งไวแสง ทนดินเค็มและให้ผลผลิตสูง เหมาะกับพื้นที่เพาะปลูกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ โครงการยังส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกรผลิตปุ๋ยชีวภาพ ใช้เครื่องจักรร่วมกัน และพัฒนาระบบตรวจสอบมาตรฐานข้าวอินทรีย์ เพื่อสร้างเศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็งและยั่งยืน กิจกรรมมีผู้เข้าร่วมกว่า 200 คน ประกอบด้วยเกษตรกร นักวิจัย หน่วยงานรัฐ และภาคชุมชน ผลที่คาดว่าจะได้รับคือ การเพิ่มพูนองค์ความรู้ของเกษตรกรเกี่ยวกับพันธุ์ข้าวใหม่ การขยายเครือข่ายความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและชุมชน และการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 2, 12, 17)
รายละเอียดกิจกรรม https://www.kku.ac.th/th/251185/
โครงการอบรมหลักสูตร “ผู้ควบคุมการพ่นวัตถุอันตรายทางการเกษตรด้วยอากาศยาน” ร่วมจัดโดยมหาวิทยาลัยขอนแก่น และกรมวิชาการเกษตร
มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับกรมวิชาการเกษตร จัดอบรมหลักสูตร “ผู้ควบคุมการพ่นวัตถุอันตรายทางการเกษตรด้วยอากาศยาน” ระหว่างวันที่ 26–27 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ณ โรงแรมบายาสิตา จังหวัดขอนแก่น โดยมีนางสาวปรียานุช ทิพยะวัฒน์ รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เป็นประธานเปิดงาน กิจกรรมมุ่งเสริมสร้างความรู้และทักษะการใช้เทคโนโลยีโดรนทางการเกษตรอย่างปลอดภัย ถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีผู้เข้าร่วมกว่า 150 คน ประกอบด้วยเกษตรกร นักวิจัย นักบินโดรน และผู้ประกอบการภาคเกษตร หลักสูตรพัฒนาโดย รองศาสตราจารย์ ดร.ขวัญตรี แสงประชาธนารักษ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งบูรณาการองค์ความรู้ทางวิศวกรรมเกษตรกับการฝึกภาคปฏิบัติ เพื่อสร้างเครือข่ายนักบินโดรนมืออาชีพที่ตระหนักถึงความปลอดภัยและความรับผิดชอบต่อสังคม โดยได้รับการสนับสนุนจากสมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย (TAITA) และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) การอบรมครั้งนี้ช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการพ่นวัตถุอันตรายทางการเกษตร ส่งเสริมการพัฒนาเกษตรแม่นยำ และตอกย้ำบทบาทของมหาวิทยาลัยขอนแก่นในฐานะศูนย์กลางความรู้ด้านนวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ (Smart Agriculture) ระดับประเทศ.
รายละเอียดกิจกรรม https://www.kku.ac.th/th/228622/
โครงการหลักสูตร “กฎหมายปกครองสำหรับผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” เสริมสร้างธรรมาภิบาลและการบริหารท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพ
สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดอบรมหลักสูตรการศึกษาตลอดชีวิต “กฎหมายปกครองสำหรับผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” ระหว่างวันที่ 4–7 สิงหาคม พ.ศ. 2568 ณ โรงแรมเอส ดี อเวนิว กรุงเทพมหานคร เพื่อพัฒนาความรู้ด้านกฎหมายปกครองให้แก่ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข้าราชการ บุคลากรภาครัฐ และผู้สนใจทั่วไป โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการบริหารงานภาครัฐที่ถูกต้อง โปร่งใส และสอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาล การอบรมได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายหน่วยงาน อาทิ ศาลปกครองสูงสุด สำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการคลัง ถ่ายทอดความรู้และกรณีศึกษาจริงในประเด็นสำคัญ เช่น การบริหารบุคคล การจัดซื้อจัดจ้าง และวินัยการเงินการคลัง เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจด้านนิติธรรมและลดความเสี่ยงจากการปฏิบัติงานผิดพลาด มีผู้เข้าร่วมกว่า 120 คน จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกว่า 20 แห่งทั่วประเทศ ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการอบรม ได้แก่ การเพิ่มพูนความรู้ด้านกฎหมายปกครอง การยกระดับมาตรฐานการบริหารท้องถิ่นให้มีธรรมาภิบาล โปร่งใส และตรวจสอบได้ ตลอดจนการสร้างเครือข่ายผู้บริหารท้องถิ่นทั่วประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดี และเสริมบทบาทของมหาวิทยาลัยขอนแก่นในฐานะสถาบันชั้นนำด้านบริการวิชาการและการพัฒนาภาครัฐอย่างยั่งยืน.
โครงการ “อบรมเชิงปฏิบัติการ SROI Practitioner ภายใต้ความร่วมมือ 3 พลังเพื่อแผ่นดิน (รุ่นที่ 1)” เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการประเมินคุณค่าทางสังคม (Social Return on Investment: SROI)
มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดย ศาสตราจารย์ ดร.ธิดารัตน์ บุญมาศ รองอธิการบดีฝ่ายวิสาหกิจและสังคมยั่งยืน ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดโครงการ “อบรมเชิงปฏิบัติการ SROI Practitioner ภายใต้ความร่วมมือ 3 พลังเพื่อแผ่นดิน (รุ่นที่ 1)” ระหว่างวันที่ 21–22 สิงหาคม พ.ศ. 2568 ณ ห้องประชุมทองกวาว สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการประเมินผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคมด้วยแนวทาง SROI ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการวัดคุณค่าทางสังคมและสนับสนุนการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) การอบรมได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ปฏิบัติ ดร.ชรินทร์ เตชะพันธุ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับ และศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.สัญชัย จตุรสิทธา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพหุศาสตร์ กล่าวถึงการต่อยอด “SROI Platform” ที่พัฒนาร่วมกันโดยสามมหาวิทยาลัย เพื่อยกระดับมาตรฐานการประเมินผลลัพธ์ทางสังคมของประเทศ การอบรมครอบคลุมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ได้แก่ การกำหนดขอบเขตและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การวิเคราะห์ผลลัพธ์ทางสังคม การสร้างตัวชี้วัดและคำนวณมูลค่าผลลัพธ์ และการใช้แพลตฟอร์ม SROI ในการจำลองกรณีศึกษา โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 80 คน จากสามมหาวิทยาลัยและหน่วยงานพันธมิตร ผลที่คาดว่าจะได้รับคือ การสร้างบุคลากรที่มีความเข้าใจลึกซึ้งในกระบวนการประเมินคุณค่าทางสังคม สามารถประยุกต์ใช้เครื่องมือ SROI ในการวิเคราะห์เชิงนโยบายได้จริง เกิดเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินผลทางสังคมระหว่างสถาบัน และสนับสนุนการบรรลุเป้าหมาย SDGs ด้านการศึกษา เศรษฐกิจ ความเท่าเทียม และธรรมาภิบาล พร้อมยกระดับบทบาทของมหาวิทยาลัยขอนแก่นสู่การเป็นผู้นำด้านการประเมินผลกระทบเพื่อสังคมระดับประเทศ.
โครงการถ่ายทอดนวัตกรรม “GEO-HOO AI Chatbot สู่อุทยานธรณีขอนแก่น” ขับเคลื่อนการเรียนรู้เชิงดิจิทัลและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรณีอย่างยั่งยืนความเป็นมา
คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำโดยรองศาสตราจารย์ ดร.วิมลทิพย์ สิงห์เถื่อน รองคณบดีฝ่ายการศึกษา ดิจิทัล และกิจการนักศึกษา พร้อมทีมนักศึกษาบัณฑิตสาขาเทคโนโลยีธรณี จัดกิจกรรมถ่ายทอดนวัตกรรม “GEO-HOO AI Chatbot สู่อุทยานธรณีขอนแก่น” ระหว่างวันที่ 18–19 กันยายน พ.ศ. 2568 ณ ไร่แทนคุณแผ่นดิน จังหวัดขอนแก่น เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เชิงดิจิทัลและการท่องเที่ยวเชิงธรณีในชุมชน โดยเป็นความร่วมมือระหว่างคณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแก่น และสมาคมอุทยานธรณี โครงการมุ่งถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านธรณีวิทยาผ่านนวัตกรรม “GEO-HOO” ซึ่งพัฒนาในรูปแบบ AI Chatbot บนแอปพลิเคชัน LINE ให้ผู้นำเที่ยวชุมชน ครู และเยาวชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างสะดวกและเข้าใจง่าย เสมือนมี “ผู้ช่วยไกด์อัจฉริยะ” คอยตอบคำถามเกี่ยวกับแหล่งธรณีสำคัญในจังหวัดขอนแก่น ภายในกิจกรรมมีการสาธิตการใช้งานจริง การฝึกอบรมการใช้ระบบ Chatbot และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างเครือข่ายชุมชน เพื่อพัฒนาการใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสมกับบริบทท้องถิ่น กิจกรรมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 80 คน ประกอบด้วยผู้นำชุมชน ครู นักเรียน และหน่วยงานภาครัฐ–เอกชนที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรณี ผลที่คาดว่าจะได้รับคือการเสริมศักยภาพผู้นำชุมชนและเยาวชนให้ใช้ AI เพื่อสื่อสารความรู้ทางธรณีวิทยาอย่างถูกต้อง เกิดเครือข่าย Geotourism ที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลขับเคลื่อนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน สนับสนุนการพัฒนาอุทยานธรณีขอนแก่นสู่การรับรองเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก และสอดคล้องกับเป้าหมาย SDGs (4, 8, 11, 17) รวมถึงค่านิยม SMART ของคณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างยั่งยืน

