ปฏิวัติแปลงอ้อย: การขับเคลื่อนอนาคตอุตสาหกรรมน้ำตาลไทยด้วยเทคโนโลยี Smart Farming

เทคโนโลยีดิจิทัลกำลังเปลี่ยนโฉมหน้าภาคเกษตรกรรมทั่วโลก ส่งผลให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลของไทยก็ยืนอยู่ ณ จุดเปลี่ยนผ่านสำคัญ มหาวิทยาลัยขอนแก่นร่วมกับโรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์ ได้ตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการยกระดับศักยภาพของเกษตรกรชาวไร่อ้อยให้ก้าวทันเทคโนโลยีสมัยใหม่ จึงได้จัดโครงการ “Smart Farming สำหรับทายาทอ้อยรวยร้อยล้าน น้ำตาลบุรีรัมย์” ขึ้น ระหว่างวันที่ 30-31 สิงหาคม 2568 ณ อาคาร AG 07 ห้อง 7011 และอาคาร AG 05 ห้อง 5101 มหาวิทยาลัยขอนแก่น 

           โครงการนี้ได้รับการออกแบบอย่างครอบคลุมเพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลไทยในอนาคตอย่างยั่งยืน ผู้เข้าร่วมได้รับการถ่ายทอดความรู้และฝึกทักษะการใช้เทคโนโลยี Smart Farming เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อย โดยเนื้อหาครอบคลุมหัวข้อสำคัญหลายด้าน ตั้งแต่การใช้โดรนสำรวจและฉีดพ่นที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถตรวจสอบสภาพแปลงอ้อยและให้การดูแลได้อย่างแม่นยำ

เครื่องจักรกลการเกษตรสมัยใหม่ที่ลดแรงงานและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การจัดการเศษวัสดุในแปลงอ้อยเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงเทคนิคการเพิ่มมูลค่าผลิตผลที่จะช่วยเสริมรายได้ให้แก่เกษตรกร     

           การดำเนินงานของโครงการนี้สะท้อนให้เห็นถึงการตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในหลายมิติอย่างชัดเจน การจัดกิจกรรมอบรมเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาและทักษะของเกษตรกร การพัฒนาและถ่ายทอดนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ในอุตสาหกรรมการเกษตรช่วยสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจ และการให้บริการวิชาการด้านความยั่งยืนแก่สาธารณะผ่านความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาและภาคเอกชน แสดงให้เห็นถึงการสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

           ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากโครงการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าการเกษตรไทย เกษตรกรผู้เข้าร่วมได้รับความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Smart Farming ในการจัดการแปลงอ้อย ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนการดำเนินงาน และเพิ่มคุณภาพของผลผลิต การที่เกษตรกรสามารถใช้โดรนในการสำรวจและฉีดพ่นได้อย่างแม่นยำ จะช่วยลดการใช้สารเคมีและปุ๋ยที่ไม่จำเป็น ส่งผลดีต่อทั้งต้นทุนการผลิตและสิ่งแวดล้อม

        การใช้เครื่องจักรกลสมัยใหม่ในการจัดการแปลงอ้อยจะช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคเกษตร และเพิ่มความสะดวกในการดำเนินงาน ขณะเดียวกัน การเรียนรู้เทคนิคการจัดการเศษวัสดุในแปลงอ้อยเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น การนำใบอ้อยมาผลิตปุ๋ยหมัก หรือการใช้ประโยชน์จากชานอ้อย จะช่วยสร้างรายได้เสริมให้แก่เกษตรกรและลดปัญหาขยะเกษตรกรรม

ผลกระทบระยะยาวของโครงการนี้จะขยายไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลไทยทั้งระบบ เมื่อเกษตรกรสามารถผลิตอ้อยคุณภาพสูงด้วยต้นทุนที่ลดลง จะส่งผลให้อุตสาหกรรมน้ำตาลมีความสามารถในการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาดโลก การที่เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มมูลค่าผลิตผล จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตในชุมชนเกษตรกรรม และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น   นอกจากนี้ การใช้เทคโนโลยี Smart Farming ยังส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการใช้ปัจจัยการผลิตอย่างแม่นยำจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการใช้น้ำและสารเคมี และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ที่ดิน ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

          โครงการ “Smart Farming สำหรับทายาทอ้อยรวยร้อยล้าน น้ำตาลบุรีรัมย์” จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติการเกษตรไทยสู่ยุคดิจิทัล โดยการสร้างความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีและสร้างนวัตกรรมที่จะนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และรักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน

ลิงก์ข่าว, เพจ Facebook หรือสื่ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง https://www.facebook.com/share/14RqNPSynqm/

ผู้ให้ข้อมูลติดต่อกลับ นางพจมาลย์ ธำรงยศวิทยากุล /093-563-5424

SDGs4
Scroll to Top