การสร้างความสัมพันธ์กับองค์กรพัฒนาเอกชนระดับภูมิภาคและหน่วยงานภาครัฐ เพื่อสนับสนุนการกำหนดนโยบายและการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน Relationships with regional NGOs and government for SDG policy
มหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นสะพานเชื่อมโยงภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ ทั้งสร้างการมีส่วนร่วมโดยตรง หรือการให้ข้อมูลแก่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนเพื่อการพัฒนานโยบายตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) ซึ่งครอบคลุมถึงการระบุปัญหาและความท้าทาย การพัฒนานโยบายและยุทธศาสตร์ระดับประเทศ การสร้างแบบจำลองอนาคตที่อาจเกิดขึ้นผ่านโครงการความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนระดับประเทศ ผลการดำเนินงานสำคัญ 3 ปีที่ผ่านมา (ประมาณปี 2564-2567) มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ยกระดับการทำงานวิจัยและบริการวิชาการจากการเป็นเพียง “ผู้ให้ความรู้” ไปสู่การเป็น “หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา” (Development Partner) ร่วมกับภาครัฐและเอกชน โดยเน้นการนำองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมไปใช้แก้ปัญหาจริงของประเทศ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
- ด้านสาธารณสุข: ผู้นำด้านนวัตกรรมทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพ
มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นกำลังหลักในการพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศ โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่านคณะแพทยศาสตร์และศูนย์ความเป็นเลิศต่างๆ ผ่านการความร่วมมือสำคัญ สปสช. และกระทรวงสาธารณสุขในการพัฒนานวัตกรรมการรักษาและรูปแบบบริการใหม่ๆ เช่น โครงการ “Cancer Anywhere” ที่ผู้ป่วยมะเร็งสามารถรับบริการเคมีบำบัดหรือฉายรังสีใกล้บ้าน โดยมีโรงพยาบาลศรีนครินทร์เป็นแม่ข่าย
มหาวิทยาลัยขอนแก่นร่วมมือกับบริษัทเอกชนด้านเทคโนโลยีการแพทย์โดยพัฒนาเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น การพัฒนา Software AI เพื่อช่วยวินิจฉัยโรค, การวิจัยและผลิตวัคซีน, พัฒนานวัตกรรมห้องความดันลบและอุปกรณ์ป้องกันสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ แจกจ่ายไปทั่วประเทศวิจัยและรักษาโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี (OV & CCA)
เป็นศูนย์กลางการวิจัยระดับโลกในเรื่องนี้ มีการลงนามความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศเพื่อพัฒนาแนวทางการคัดกรอง วินิจฉัย และรักษาแบบครบวงจร ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตในภาคอีสานได้อย่างมีนัยสำคัญ
- ด้านเศรษฐกิจและสังคม: การยกระดับเศรษฐกิจฐานรากและพัฒนาเมือง
มหาวิทยาลัยขอนแก่น มุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจท้องถิ่นและขับเคลื่อนโครงการพัฒนาระดับชาติ มีความร่วมมือกับกลุ่มจังหวัดและภาคเอกชน (หอการค้า, สภาอุตสาหกรรม)ในการขับเคลื่อนโครงการ “ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” (NeEC-Bioeconomy) โดย มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นแกนนำด้านวิชาการในการผลักดันเศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) โดยเฉพาะด้านเกษตรและอาหารแห่งอนาคต
มหาวิทยาลัยขอนแก่นร่วมมือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) และภาคเอกชนในการ พัฒนา Platform สำหรับ Smart Farming ยกระดับเกษตรกรสู่การเป็นผู้ประกอบการเกษตรสมัยใหม่ เช่น โครงการยกระดับอุตสาหกรรมโคเนื้อและกระบือ
โครงการพัฒนาเมืองขอนแก่น (Khon Kaen Smart City) โดย มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ขอนแก่นพัฒนาเมือง (KKTT) จำกัด ซึ่งเป็นต้นแบบการพัฒนาเมืองโดยความร่วมมือของทุกภาคส่วน และร่วมผลักดันโครงการระบบขนส่งมวลชนรางเบา (LRT) ซึ่งถือเป็นต้นแบบของประเทศ
- ด้านการแก้ปัญหาความยากจน: ต้นแบบ “มหาวิทยาลัยขอนแก่น โมเดล”
มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้พัฒนารูปแบบการแก้ปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและตรงจุด ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับประเทศ โดยมีความร่วมมือกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และกระทรวงมหาดไทย: นำเสนอ “มหาวิทยาลัยขอนแก่น โมเดล” (KKU Model) ในการแก้ปัญหาความยากจน โดยใช้ข้อมูลจากระบบ TPMAP (ระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า) มาวิเคราะห์และส่ง “นักจัดการข้อมูลชุมชน” (Community Data Manager) ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือครัวเรือนยากจนแบบรายครัวเรือน และขยายผลไปยังจังหวัดอื่นๆเพื่อเป็นต้นแบบในการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน โดยเน้นการสร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิต
- ด้านสิ่งแวดล้อม: การมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและการจัดการทรัพยากร
มหาวิทยาลัยขอนแก่น ให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืนและปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาฝุ่น PM2.5 และการจัดการขยะ มีความร่วมมือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ดำเนินโครงการปลูกป่า, โครงการวิจัยเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)
วิจัยและแก้ปัญหา PM2.5 การพัฒนาแอปพลิเคชันและเครื่องมือตรวจวัดฝุ่นแบบ Real-time, วิจัยหาแหล่งกำเนิดฝุ่นจากการเผานที่โล่ง (โดยเฉพาะอ้อย) และลงนามความร่วมมือกับโรงงานน้ำตาลและกลุ่มเกษตรกรเพื่อส่งเสริมการตัดอ้อยสด ลดการเผา
MOU ด้านการจัดการขยะ: โครงการ “KKU Smart Waste” สร้างต้นแบบการจัดการขยะภายในมหาวิทยาลัย และถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ในปี 2568 มหาวิทยาลัยยังคงสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐและภาคเอกชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ดังนี้
มหาวิทยาลัยสร้างความร่วมมือกับองค์กรภาครัฐเพื่อสร้างความยั่งยืนผ่านโครงการวิจัยที่มีผลกระทบสูง
มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีความความร่วมมือในการวิจัยสำนักงานสภานโยบายอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ และหน่วยงานบริหารและจัดทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (หน่วยงานรัฐระดับชาติในการอนุมัติทุนวิจัย) ภายใต้โครงการวิจัยโครงการการพัฒนาเครือข่ายธุรกิจและบริการโดรนทางการเกษตร
มหาวิทยาลัยได้สร้างความร่วมมือกับการวิจัยสำนักงานสภานโยบายอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช)และหน่วยงานบริหารและจัดทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท) ในการวิจัยโครงการการพัฒนาเครือข่ายธุรกิจและบริการโดรนทางการเกษตร เพื่อพัฒนาเครือข่ายธุรกิจและบริการโดรนทางการเกษตร ภายใต้แผนงานย่อย F10 (S2P11) เพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ ให้พึ่งพาตนเองได้และมีการกระจายรายได้ สู่ชุมชน/ท้องถิ่นมากขึ้น โปรแกรม 11 (S2) ขจัดความยากจนและลดความเหลื่อมลํ้า โดยการเพิ่มโอกาส และยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ สร้างความเข้มแข็งและยกระดับมูลค่าเศรษฐกิจของเศรษฐกิจฐานราก โดยใช้ ผลงานวิจัย องค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (SMEs) และองค์กรชุมชนรายเดิมและรายใหม่ การพัฒนานวัตกรรมที่เป็นกลไกหรือระบบที่ส่งเสริมและการสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานรากที่ใช้ได้จริง ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ท้องถิ่นและเอกชนในพื้นที่ และการสร้างเครือข่ายบุคลากรในพื้นที่ที่มีบทบาทและความสามารถในการประยุกต์ใช้หรือถ่ายทอดองค์ความรู้ ผลงานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดยมีชุดโครงการย่อยดังนี้
- การพัฒนาโมเดลธุรกิจโดรนเกษตรชุมชน โดย ผศ.ดร.พัชรี สุริยะ คณะเกษตรศาสตร์
- การพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลและระบบ AI เพื่อการบริหารจัดการโดรนเกษตรชุมชนรศ.ดร.กานดา สายแก้ว
คณะวิศวกรรมศาสตร์
- การพัฒนาองค์ความรู้และสื่อดิจิทัลเพื่อการใช้และบำรุงรักษาโดรนเพื่อการเกษตร ผศ.ดร.อาทิตย์ ภูผาผุด คณะเกษตรศาสตร์
- การสร้างเครือข่ายธุรกิจโดรนเกษตรชุมชนและภาคีเครือข่ายครบวงจรในภูมิภาคอีสาน โดย ผศ.ดร.กีรติพร จูตะวิริยะ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
สถาบันฟีโนมแห่งชาติ มหาวิทยาลัยขอนแก่นจับมือ บริษัท เอสเอ็มเอส ร่วมวิจัยคุณสมบัติ ‘แป้งทนย่อย’ ยกระดับนวัตกรรมอาหารไทยด้วยเทคโนโลยีฟีโนมิกส์
วันศุกร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2568 สถาบันฟีโนมแห่งชาติ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการโครงการความร่วมมือการวิจัยคุณสมบัติของแป้งทนย่อยด้วยเทคโนโลยีฟีโนมิกส์ ระหว่าง มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยสถาบันฟีโนมแห่งชาติ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กับ บริษัท เอสเอ็มเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยมี รองศาสตราจารย์นายแพทย์ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นประธานในพิธี ณ ห้องสารสิน อาคารสิริคุณากร มหาวิทยาลัยขอนแก่น
“ความร่วมมือระหว่าง สถาบันฟีโนมแห่งชาติ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ บริษัท เอสเอ็มเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัดในวันนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นจะได้ร่วมสนับสนุนการวิจัยครั้งนี้ เพื่อให้ประเทศไทยมีผลิตภัณฑ์ High Technology ที่มีมูลค่าสูง และเป็นประโยชน์ในหลายมิติต่อไปในอนาคต”
ขณะที่ ดร.วีรวัฒน์ เลิศวนวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด ระบุว่า ทางกลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด ดำเนินการอยู่ในอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังซึ่งนับเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน และเล็งเห็นถึงนวัตกรรมต่าง ๆ ที่จะช่วยพัฒนาตลาดอาหารเพื่อสุขภาพได้ จนเกิดเป็นการพัฒนาแป้งทั่วไปให้กลายเป็นแป้งทนย่อย และนำมาสู่ความร่วมมือกับทางสถาบันฟีโนมแห่งชาติ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อให้ช่วยวิจัย และทดสอบ ยกระดับองค์ความรู้นี้สู่การเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลกและสร้างประโยชน์ให้สังคมเป็นวงกว้าง ทั้งนี้ ทางกลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส เชื่อมั่นในนักวิจัยมหาวิทยาลัยขอนแก่นจะมีศักยภาพ และหวังว่าโครงการนี้จะเป็นความร่วมมือระยะยาวระหว่างทั้งสององค์กร เพื่อพัฒนาองค์ความรู้อื่น ๆ ต่อไปในอนาคต
ขณะที่ ผศ.ดร.จุฑารพ เพชระบูรณิน ผู้อำนวยการสถาบันฟีโนมแห่งชาติ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ ดร.นวพร ศรีทอง นักวิชาการวิจัย ระบุว่า ความร่วมมือทางวิชาการใน “โครงการความร่วมมือการวิจัยคุณสมบัติของแป้งทนย่อยด้วยเทคโนโลยีฟีโนมิกส์” ระหว่างสถาบันฟีโนมแห่งชาติ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับ บริษัท เอสเอ็มเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและพัฒนา Research Program ระหว่างนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยและบริษัท
ทั้งนี้ ยังเป็นการส่งเสริมให้บุคลากรทั้งสองหน่วยงานมีศักยภาพด้านวิชาการและการวิจัยเพิ่มขึ้นและสามารถพัฒนาข้อเสนอโครงการวิจัยร่วมกันเพื่อขอรับทุนสนับสนุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความก้าวหน้าในงานวิจัยใหม่ ๆ นำไปสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงวิชาการ เศรษฐกิจ และสังคม และสามารถนำความรู้นี้ไปใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้บริโภค
มหาวิทยาลัยขอนแก่นร่วมมือกับรัฐบาลในการจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำท่วมและภัยแล้งทั่วประเทศ
มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐบาลระดับประเทศได้แก่ 1) กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่จังหวัดต่างๆที่ประสบปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง และภัยพิบัติต่างๆ มีความต้องการความร่วมมือและความช่วยเหลือทางวิชาการด้านการบริหารจัดการจัดการน้ำด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม 2) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หน่วยงานต้นสังกัดของสถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่หรือในจังหวัดที่มีปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้งและภัยพิบัติ 3) กรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านภัยพิบัติในพื้นที่โดยตรง 4) กรมทรัพยากรน้ำ และผู้แทนจากหน่วยงานราชการสำคัญของประเทศ โดยมีการจัดจึงได้ทำข้อตกลงและแผนงานการบริหารจัดการระดับจังหวัด ระดับอำเภอและระดับตำบล โดยทำการศึกษาข้อมูลน้ำท่วมและภัยแล้งในพื้นที่ 10 จังหวัดของประเทศไทยที่มีปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ การพัฒนาระบบการเตือนภัยน้ำท่วม การวิเคราะห์สถานการณ์น้ำฝนและความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ทางการเกษตรและโรงงานอุตสาหกรรม การสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนต่างๆและประชาชนในพื้นที่เพื่อให้การจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน
ระยะที่ 2 มหาวิทยาลัยขอนแก่น ยังร่วมมือกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เปิดเวที “น้ำมั่นคง ไม่ท่วม ไม่แล้ง” ผนึก 10 จังหวัด เดินหน้าจัดการน้ำอย่างยั่งยืน โดยมีการประชุมเขิงปฏิบัติงานในหัวข้อ “น้ำมั่นคง ไม่ท่วม ไม่แล้ง” ใน 10 จังหวัด ในวันที่ 27-29 เม.ย. 2568 ณ จังหวัดขอนแก่น มีผู้เข้าร่วมงานจากทั่วประเทศจำนวน 110 คน ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางจัดการน้ำครบทุกมิติ ตั้งแต่ระดับตำบลจนถึงระดับจังหวัด แนวทางและเป้าหมายการจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการในระดับจังหวัดต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งระดับท้องถิ่น จังหวัด และส่วนกลาง เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการรับมือกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้น
กิจกรรมวันแรกเริ่มต้นที่ตำบลศรีบุญเรือง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น โดยมีนายกองค์การบริหารส่วนตำบลให้การต้อนรับ และคุณชิษนุวัฒน์ มณีศรีขำ หัวหน้าโครงการวิจัย ชี้แจงเป้าหมายและรูปแบบกิจกรรม ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้การทำ “ผังน้ำชุมชน” และ “ปฏิทินน้ำ” เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในรอบปี พร้อมฝึกใช้แอปพลิเคชันบันทึกข้อมูลแหล่งน้ำ เพื่อให้การจัดการน้ำมีข้อมูลรองรับและเชื่อมโยงสู่แผนระดับสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วันที่ 2 นางสาววาทินี เพ็ญศิริ จากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ภาค 3 บรรยายแนวทางการวางแผนงานน้ำระดับประเทศ ลุ่มน้ำ จังหวัด และท้องถิ่น โดยเน้นการเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้ง ผศ.ดร.โพยม สราภิรมย์ และ น.ส.สุวรรณี เพียเอีย จากจังหวัดขอนแก่น ได้ถ่ายทอดบทเรียนการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จริง ก่อนเข้าสู่ช่วงนำเสนอ “โครงการนำร่อง” จาก 3 ระดับ ได้แก่ ระดับจังหวัด ระดับเมือง และระดับตำบล โดยผู้เข้าร่วมถูกแบ่งกลุ่มย่อยเพื่อระดมความคิดในการจัดทำแผนปฏิบัติการสำหรับพื้นที่
ในวันสุดท้ายของการสัมมนา มีการบรรยายเรื่องการประเมินผลกระทบทางสังคม (SROI) โดยผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมทั้งการนำเสนอรายงานเริ่มต้นโครงการจากตัวแทน 10 จังหวัดที่เข้าร่วม ได้แก่ ขอนแก่น ชัยภูมิ กำแพงเพชร น่าน พะเยา เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน สงขลา และพัทลุง โครงการดังกล่าวถือเป็นการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งที่เรื้อรังในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมจากชุมชนและการบูรณาการข้อมูลเชิงพื้นที่ ผ่านการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการจัดการทรัพยากรน้ำต่อไป
ระยะที่ 3 มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มหาวิทยาลัยขอนแก่น) ร่วมมือกับจังหวัดขอนแก่นในการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน
โดยมีโครงการและความร่วมมือต่างๆ เช่น โครงการศึกษาและพัฒนากลุ่มระบบบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมจาก มหาวิทยาลัยขอนแก่น มาใช้ในการแก้ไขปัญหาน้ำในพื้นที่ ได้แก่
(1)โครงการศึกษาและพัฒนากลุ่มระบบบริหารจัดการน้ำ: มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีบทบาทในการศึกษา วิจัย และพัฒนากลุ่มระบบบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างต่อเนื่อง
(2)การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้: มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้นำเทคโนโลยีและองค์ความรู้จากงานวิจัยมาช่วยสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำของจังหวัด
(3) การแก้ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม: มหาวิทยาลัยขอนแก่น และจังหวัดร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งในพื้นที่ โดยใช้ความร่วมมือจากหลายภาคส่วน
(4) การบูรณาการองค์ความรู้: มีการบูรณาการองค์ความรู้จากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำมีประสิทธิภาพและครอบคลุมทุกมิติ
มหาวิทยาลัยขอนแก่นจับมือกรมวิชาการเกษตร จัดคอร์สติวเข้มทฤษฎี-ปฏิบัติ “ผู้ควบคุมการพ่นวัตถุอันตรายทางการเกษตรด้วยอากาศยาน
วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม 2568 มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับ กรมวิชาการเกษตร และเครือข่าย จัดโครงการอบรมหลักสูตร ผู้ควบคุมการพ่นวัตถุอันตรายทางการเกษตรด้วยอากาศยาน ระหว่างวันที่ 26-27 พฤษภาคม 2568 โดยได้รับเกียรติจากนางสาวปรียานุช ทิพยะวัฒน์ รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เป็นประธานในพิธี ท่ามกลางผู้บริหารจากหน่วยงานต่าง ๆ และผู้เข้าร่วมอบรมกว่า 150 คน ณ โรงแรมบายาสิตา จังหวัดขอนแก่น
รศ.ดร.ขวัญตรี แสงประชาธนารักษ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมเกษตร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ระบุว่า มหาวิทยาลัยได้พัฒนาโครงการเครือข่ายธุรกิจและบริการโดรนเกษตรโดยได้รับทุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ที่มุ่งบูรณาการทั้งโมเดลธุรกิจ แพลตฟอร์ม AI และภาคีเครือข่าย เพื่อสนับสนุนกรมวิชาการเกษตรและยกระดับศักยภาพนักบินโดรนเกษตรให้เข้าถึงความรู้และทักษะที่ลึกซึ้ง ลงพื้นที่ชุมชน เพื่อสร้างแบรนด์นักบินโดรนเกษตรที่มั่นใจ ปลอดภัย และมีความรับผิดชอบต่อสังคม รวมถึงการใช้สารเคมีอย่างถูกต้องและไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
จากนั้น นางช่อทิพย์ ศัลยพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช ได้กล่าวว่า หลักสูตร “ผู้ควบคุมการพ่นวัตถุอันตรายทางการเกษตรด้วยอากาศยาน” มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้แก่ผู้รับจ้างพ่น เกษตรกร และนักวิจัย ในการใช้โดรนเกษตรอย่างปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมาย โดยได้รับความร่วมมือจากสมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย (TAITA) ที่มอบชุดอุปกรณ์นิรภัยและสนับสนุนการทำบัตรประจำตัวผู้รับจ้างบินโดรนพ่นสารเพื่อสร้างมาตรฐานความปลอดภัยในงานเกษตรกรรม
สำหรับการจัดฝึกอบรมหลักสูตร “ผู้ควบคุมการพ่นวัตถุอันตรายทางการเกษตรด้วยอากาศยาน” ตลอดทั้ง 2 วันเน้นเสริมสร้างความรู้และทักษะการใช้เทคโนโลยีการเกษตรล้ำสมัย โดยผสานเนื้อหาเกี่ยวกับโรคพืช แมลงและไรศัตรูพืช วัชพืช การใช้ปุ๋ยและสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืชผ่านอากาศยาน พร้อมเจาะลึกเทคนิคการพ่นสารด้วยโดรน การผสมสูตรสารต่าง ๆ และการใช้สารอย่างถูกต้องตามกฎหมายพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมจะได้ฝึกปฏิบัติจริงใน 3 ฐาน ได้แก่ ฐานโรคพืช ฐานแมลงและไรศัตรูพืช และฐานวัชพืช ก่อนเข้าสู่การทดสอบความรู้ภาคทฤษฎีและปฏิบัติ และรับเกียรติบัตรพร้อมปิดการอบรมอย่างเป็นทางการ
คณะวิศวศาสตร์ จับมือกับ บจก.โซล่าเทค เซ็นเตอร์ ร่วมผลักดันพัฒนานวัตกรรมด้านพลังงาน
เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568 – คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับ บริษัท โซล่าเทค เซ็นเตอร์ จำกัด ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมพลังงาน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาองค์ความรู้ด้านพลังงานแสงอาทิตย์ เทคโนโลยีสะอาด และหลักสูตรฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการที่สามารถนำไปใช้ได้จริง พิธีลงนามจัดขึ้น ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 8 ตึกเพียรวิจิตร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยมี คุณชาญยุทธ นาสมปอง กรรมการผู้จัดการบริษัท โซล่าเทค เซ็นเตอร์ จำกัดและคณะผู้บริหาร เข้าร่วมลงนามร่วมกับ รศ.ดร.รัชพล สันติวรากร คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะผู้บริหารและแขกผู้มีเกียรติจากภาคการศึกษาและอุตสาหกรรม
รศ.ดร.รัชพล สันติวรากร คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า ความร่วมมือครั้งนี้มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาด รวมถึงการส่งเสริมองค์ความรู้ด้านพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับนักศึกษา นักวิจัย และภาคอุตสาหกรรม ผ่านหลักสูตรการฝึกอบรมแบบ Short Course และ Non-Degree Programs ที่สามารถนำไปใช้พัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ด้านคุณชาญยุทธ นาสมปอง กล่าวถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทว่า “โซล่าเทค เซ็นเตอร์ มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมพลังงานสะอาด โดยการให้ความรู้ การพัฒนาเทคโนโลยี และการร่วมมือกับภาคการศึกษา เพื่อสร้างบุคลากรที่มีศักยภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน” ทั้งสองหน่วยงานมีเป้าหมายร่วมกันในการผลักดันการใช้พลังงานสะอาดให้แพร่หลายรวมถึงการพัฒนาโซลูชันพลังงานที่ตอบโจทย์ความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและชุมชน ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมพลังงานสู่สังคมที่ยั่งยืน”
การลงนามความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของการบูรณาการความรู้ระหว่างภาคการศึกษาและภาคเอกชน ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมพลังงานใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง และเกิดผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะยาว นอกจากนี้ภายในงานยังมีการส่งต่อนวัตกรรมพลังงานแบบพกพา ให้กับ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น รวมถึงองค์กรและทีมอาสา สำหรับใช้ในกิจกรรมสาธารณะประโยชน์เพื่อสังคม ได้แก่ สมาคมกู้ภัยภูเวียงและร้านปันกันขอนแก่น โดยมูลนิธิยุวพัฒน์ และมูลนิธิดุลยพัฒน์
มหาวิทยาลัยขอนแก่นยกระดับคลัสเตอร์ถั่วเหลืองภาคอีสาน สู่ความมั่นคงทางอาหารและการพัฒนาที่ยั่งยืน
เมื่อวันจันทร์ที่ 8 กันยายน 2568 มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) จัดประชุมสรุปผลการดำเนินงานโครงการ “การยกระดับคลัสเตอร์พืชเศรษฐกิจในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (Ne-EC)” โดยใช้องค์ความรู้ด้านการพัฒนาเชิงพื้นที่เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อน งานนี้ได้รับเกียรติจาก นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานเปิดการประชุม และ รศ.ดร.ดรุณี โชติษฐยางกูร คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมกว่า 200 คน จากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และเกษตรกรทั่วภาคอีสาน โดยมี ผศ.มัลลิกา ศรีสุธรรม สาขาวิชาปฐพีศาสตร์และสิ่งแวดล้อม คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หัวหน้าโครงการ เป็นผู้กล่าวรายงานสรุปผลโครงการ พร้อมด้วยการบรรยายพิเศษจาก ผศ.ดร.จุฑาทิพย์ เฉลิมพล ผู้แทนจาก บพท. เกี่ยวกับนโยบายและแนวทางการสนับสนุนทุน
นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมยังได้รับฟังการบรรยายพิเศษหัวข้อ Soybean production and recent studies in Japan โดย Prof.Dr.Koki Homma (Tohoku University, Japan) และหัวข้อ Climate change impact and adaptation measure in Northeast Thailand –Mix cropping, insurance, shallow groundwater use– โดย Prof.Dr.Koshi Yoshida (The University of Tokyo)
ปัจจุบัน ประเทศไทยนำเข้าถั่วเหลืองจากต่างประเทศ 99% นับเป็นการนำเข้าที่สูงมาก การประชุมสรุปผลโครงการยกระดับคลัสเตอร์พืชเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (Ne-EC) ในครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือระหว่าง มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับ หน่วยบริหารและจัดการทุนระดับพื้นที่ (บพท.) ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนทุน และภาคีเครือข่ายภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชนในการขับเคลื่อนคลัสเตอร์ถั่วเหลืองของไทยตลอดห่วงโซ่อุปทานต่อไป
มหาวิทยาลัยขอนแก่นผนึกกำลังภาครัฐ-เอกชน ปั้นโมเดลเพิ่มมูลค่าเศษอ้อย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก สู่เป้าหมาย SDGs
มหาวิทยาลัยขอนแก่น เดินหน้าสร้างความร่วมมือเชิงรุกกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน หารือแนวทางพลิกวัสดุเศษเหลือจากอ้อยสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง มุ่งสร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรและชุมชน ตอกย้ำพันธกิจการเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อสังคม ขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 ฝ่ายวิสาหกิจและสังคมยั่งยืน มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำโดย ศ.ดร.ธิดารัตน์ บุญมาศ รองอธิการบดีฝ่ายวิสาหกิจและสังคมยั่งยืน พร้อมด้วย รศ.ดร.ขนิษฐา คำวิลัยศักดิ์ รศ.ดร.พรนภา เกษมศิริ คณะวิศวกรรมศาสตร์ รศ.ดร.พัชริน ส่งศรี คณะเกษตรศาสตร์ และนางสาววราภรณ์ ผิวพรรณงาม รองผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมวิสาหกิจและสังคมยั่งยืน ร่วมหารือแนวทางการใช้ประโยชน์และเพิ่มมูลค่าจากวัสดุเศษเหลืออ้อย เพื่อขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมการแปรรูปให้เกิดการสร้างรายได้เพิ่มขึ้นแก่เกษตรกรในระดับชุมชนและอุตสาหกรรม ณ สำนักพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (สพอ.)
การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยขอนแก่นกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ได้แก่ สำนักพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, บริษัท มิตรผลวิจัย พัฒนาอ้อยและน้ำตาล จำกัด, สำนักงานเกษตรจังหวัดขอนแก่น, สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดขอนแก่น, สำนักงานพัฒนาที่ดินจังหวัดขอนแก่น, สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น และสำนักงานจังหวัดขอนแก่น กลุ่มงานยุทธศาสตร์และข้อมูล เพื่อกำหนดแผนงานขับเคลื่อนเพิ่มมูลค่าวัสดุเศษเหลือจากอ้อยให้เกิดประโยชน์สูงสุด
การริเริ่มนี้สะท้อนความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยขอนแก่นในการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะ SDG 1 และ SDG 8: ขจัดความยากจนและส่งเสริมการมีงานที่มีคุณค่า ผ่านการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรและชุมชน SDG 9: ส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรม ด้วยการประยุกต์องค์ความรู้จากมหาวิทยาลัยสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่จากเศษเหลืออ้อย SDG 12: สนับสนุนการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดของเสีย และขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน SDG 17: สะท้อนพลังความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย ภาครัฐ และเอกชน เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกัน
มหาวิทยาลัยขอนแก่นเปิดตัวนวัตกรรม “เครื่องพ่นอัตโนมัติพ่วงท้ายแทรกเตอร์” นวัตกรรมเพื่อเกษตรกร ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต ปลอดภัยและยั่งยืน โดยร่วมมือกับ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.)
มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภสิทธิ์ คนใหญ่ อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัยและพัฒนา ตอกย้ำบทบาทมหาวิทยาลัยแห่งการวิจัยและอุทิศเพื่อสังคม จับมือ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) โดยศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายภาคที่ 2 จังหวัดกำแพงเพชร เปิดตัวนวัตกรรม “เครื่องพ่นอัตโนมัติพ่วงท้ายแทรกเตอร์” เครื่องมือการเกษตรอัจฉริยะที่ออกแบบมาเพื่อปฏิวัติการทำไร่อ้อยและพืชไร่ของไทยสู่เกษตรกรรมแบบแม่นยำ (Precision Agriculture) นวัตกรรมนี้คือผลลัพธ์ของความร่วมมือที่มุ่งแก้ปัญหาให้เกษตรกรอย่างตรงจุด ทั้งปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ต้นทุนการผลิตที่สูง และความเสี่ยงจากการสัมผัสสารเคมี โดยการนำองค์ความรู้และงานวิจัยจากรั้วมหาวิทยาลัยมาสร้างเป็นเครื่องมือที่จับต้องได้และเข้าถึงง่าย
เครื่องพ่นอัตโนมัติพ่วงท้ายแทรกเตอร์ต้นแบบ ได้ถูกส่งมอบไปยังศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้ง 4 ภาคทั่วประเทศ (กาญจนบุรี, กำแพงเพชร, ชลบุรี, และอุดรธานี) เพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรและผู้ที่สนใจสามารถเข้าศึกษาดูงาน ทดลองใช้งาน และนำแนวคิดไปพัฒนาต่อยอดสู่การทำเกษตรอัจฉริยะในพื้นที่ของตนเองได้อย่างเป็นรูปธรรม ความสำเร็จในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการยกระดับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของไทย แต่ยังเป็นการยืนยันถึงพันธกิจของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในการเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ
คณะวิศวกรรมศาสตร์ จับมือกับ บจก.โซล่าเทค เซ็นเตอร์ ร่วมผลักดันพัฒนานวัตกรรมด้านพลังงาน
เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568 – คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับ บริษัท โซล่าเทค เซ็นเตอร์ จำกัด ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมพลังงาน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาองค์ความรู้ด้านพลังงานแสงอาทิตย์ เทคโนโลยีสะอาด และหลักสูตรฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการที่สามารถนำไปใช้ได้จริง พิธีลงนามจัดขึ้น ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 8 ตึกเพียรวิจิตร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยมี คุณชาญยุทธ นาสมปอง กรรมการผู้จัดการบริษัท โซล่าเทค เซ็นเตอร์ จำกัดและคณะผู้บริหาร เข้าร่วมลงนามร่วมกับ รศ.ดร.รัชพล สันติวรากร คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะผู้บริหารและแขกผู้มีเกียรติจากภาคการศึกษาและอุตสาหกรรม
รศ.ดร.รัชพล สันติวรากร คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า ความร่วมมือครั้งนี้มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาด รวมถึงการส่งเสริมองค์ความรู้ด้านพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับนักศึกษา นักวิจัย และภาคอุตสาหกรรม ผ่านหลักสูตรการฝึกอบรมแบบ Short Course และ Non-Degree Programs ที่สามารถนำไปใช้พัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
การลงนามความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของการบูรณาการความรู้ระหว่างภาคการศึกษาและภาคเอกชน ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมพลังงานใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง และเกิดผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะยาว นอกจากนี้ภายในงานยังมีการส่งต่อนวัตกรรมพลังงานแบบพกพา ให้กับ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น รวมถึงองค์กรและทีมอาสา สำหรับใช้ในกิจกรรมสาธารณะประโยชน์เพื่อสังคม ได้แก่ สมาคมกู้ภัยภูเวียงและร้านปันกันขอนแก่น โดยมูลนิธิยุวพัฒน์ และมูลนิธิดุลยพัฒน์
มหาวิทยาลัยขอนแก่นร่วมมือกับซีพี แอ็กซ์ตร้า บริษัทจำกัดมหาชน MOU โครงการ “กินได้ไม่ทิ้งกัน (Zero Food Waste) สู่แมลงโปรตีน” หนุนเกษตรกรสร้างรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน
วันศุกร์ที่ 13 กันยายน 2567 มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดพิธีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง มหาวิทยาลัยขอนแก่น สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) กับ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) โดยได้รับเกียรติจาก ศ.ดร.ธิดารัตน์ บุญมาศ รองอธิการบดีฝ่ายวิสาหกิจและสังคมยั่งยืน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้รับมอบหมายจากอธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ให้เป็นประธานในพิธี นำทีม รศ.ดร.ดรุณี โชติษฐยางกูร คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ศ.ดร.ยุพา หาญบุญทรง และ ดร.ชุตินัน ชูสาย ทีมนักวิจัย เข้าร่วมพิธี โดยศ.ดร.ธิดารัตน์ บุญมาศ รองอธิการบดีฝ่ายวิสาหกิจและสังคมยั่งยืน มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า ในนามมหาวิทยาลัยขอนแก่น บันทึกความร่วมมือครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานร่วมกันระหว่างสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ผ่านโครงการ “กินได้ไม่ทิ้งกัน (Zero Food Waste) สู่แมลงโปรตีน
“ความร่วมมือของเรามุ่งเน้นการลดปริมาณขยะอาหาร และนำอาหารที่เหลือจากการจำหน่ายในร้านอาหารและซูเปอร์มาร์เก็ตมาใช้เป็นอาหารเลี้ยงหนอนแมลงโปรตีน ซึ่งการดำเนินโครงการดังกล่าว สอดคล้องตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs)”
มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความยินดียิ่งในการให้ความร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ ในการวิจัยและการแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาอย่างยั่งยืนของชุมชนท้องถิ่น รวมทั้งสร้างเครือข่ายและการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพ การเชื่อมโยงทรัพยากรและข้อมูลเพื่อการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ การสนับสนุนและประชาสัมพันธ์ข้อมูลการอนุรักษ์และการพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพให้แพร่หลายสู่สาธารณชน
ด้าน นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือในการสนับสนุนเกษตรกรผู้เลี้ยงหนอนโปรตีนให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ โดยการบริจาคอาหารที่เหลือจากการจำหน่ายภายในซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านอาหารของบริษัทกว่า 2,600 สาขา เช่น ผัก ผลไม้ อาหารสด อาหารปรุงสำเร็จให้แก่เกษตรกร เพื่อนำไปเลี้ยงหนอนแมลงโปรตีน เพื่อลดการทิ้งเป็นขยะอาหาร โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการคัดแยกและการขนส่งเพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชนและสังคมต่อไป
ขณะที่ นายธนิต ชังถาวร รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ ระบุว่า สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยขอนแก่นเพื่อสำรวจแมลงที่มีศักยภาพที่จะนำไปต่อยอดในเชิงเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยได้ศึกษาแมลงพื้นบ้านหลายชนิด กระทั่งพบว่า แมลง BSF มีความโดดเด่นมากที่สุด “เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่ไม่ยาก และต้นทุนต่ำ นับเป็นจุดเด่นที่ทำให้เข้าถึงเกษตรกรได้ง่าย”
มหาวิทยาลัยขอนแก่น ยกระดับวิกฤต PM 2.5 จากลมหายใจอีสาน ผลักดันสู่วาระด่วนนโยบายแห่งชาติ
เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 วิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น เดินหน้าแสดงบทบาทเชิงรุก จัดเวทีเสวนาวิชาการภายใต้หัวข้อ “ลมหายใจของชาวอีสาน : PM 2.5 กับวาระของท้องถิ่น” เปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้เชิงยุทธศาสตร์เพื่อรับมือกับปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่างยั่งยืน ในงานมีผู้แทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลากหลายพื้นที่เข้าร่วมอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นจากจังหวัดนครราชสีมา อำนาจเจริญ อุดรธานี และขอนแก่น พร้อมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิ 2 ท่าน คือ อ.ดร.ชัชวาล อัยยาธิติ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ ดร.นิลวดี พรหมพักพิง นักวิจัยประจำกลุ่มวิจัยความอยู่ดีมีสุขและการพัฒนาอย่างยั่งยืน (WeSD) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น มาร่วมให้ความรู้ สถานการณ์วิกฤติ PM 2.5 และการรับมือในระดับพื้นที่อย่างครอบคลุม
การเสวนาครั้งนี้ไม่เพียงมุ่งให้ความรู้แก่ผู้บริหารท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ และบุคลากรในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างภาคีเครือข่ายท้องถิ่น เพื่อขับเคลื่อนข้อเสนอเชิงนโยบายต่อระดับคณะกรรมการการกระจายอำนาจอย่างเป็นรูปธรรม “PM 2.5 ไม่ใช่เพียงปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่คือภัยคุกคามต่อคุณภาพชีวิต สุขภาพ และความเป็นอยู่ของคนอีสาน” คือเสียงสะท้อนจากเวทีที่ตอกย้ำว่า ท้องถิ่นต้องไม่เป็นเพียงผู้รับผลกระทบ แต่ต้องกลายเป็นผู้ร่วมออกแบบทางออกด้วยข้อมูล วิชาการ และพลังของประชาชน
เวทีเสวนาครั้งนี้ตอกย้ำบทบาทของ ศูนย์ปฏิบัติการพัฒนานวัตกรรมนโยบายสาธารณะ (COLAB) วิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในฐานะกลไกสนับสนุนการพัฒนาท้องถิ่นอย่างรอบด้าน และเป็นเวทีกลางในการขับเคลื่อนประเด็นเชิงนโยบายสาธารณะที่ตอบโจทย์ “ชีวิต ความเป็นอยู่ และสุขภาพของคนอีสาน” อย่างแท้จริง

