การสร้างสิทธิชุมชนเพื่อการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน: บทเรียนจากแก่งละว้าที่เชื่อมโยงกฎหมายกับภูมิปัญญาท้องถิ่น
อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น มีแหล่งน้ำธรรมชาติที่เรียกว่า “แก่งละว้า” ซึ่งเป็นมากกว่าแหล่งน้ำธรรมดา แต่เป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อมโยงระหว่างชุมชนกับธรรมชาติที่ดำรงอยู่มาช้านาน อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งระหว่างกฎหมายสมัยใหม่กับสิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากรน้ำกลายเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและต้องการแนวทางแก้ไขที่ครอบคลุม
มหาวิทยาลัยขอนแก่นร่วมสถาบันวิจัยเพื่อสังคม จึงริเริ่มโครงการบริการวิชาการแบบบูรณาการสู่ชุมชนเพื่อสร้างองค์ความรู้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในกรณีศึกษาสิทธิชุมชนกับการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน แก่งละว้า ดำเนินการในช่วงเวลา 3 ระยะ คือ วันที่ 11-12 กุมภาพันธ์ , 12 มีนาคม และ 3 พฤษภาคม 2568 ณ โรงเรียนบ้านเมืองเพีย ตำบลเมืองเพีย

โครงการนี้เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของการสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยร่วมมือกับสมาคมส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และวิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม การมาร่วมกันของหน่วยงานที่หลากหลายนี้สร้างมิติการทำงานที่ครอบคลุมทั้งด้านกฎหมาย สิทธิมนุษยชน สิ่งแวดล้อม และการมีส่วนร่วมของประชาชน
วัตถุประสงค์คือการตั้งเป้าหมายสามประการหลัก ประการแรก คือการศึกษากฎหมายและสภาพปัญหาที่เกิดจากการบังคับใช้กฎหมายในกรณีแก่งละว้า ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ความขัดแย้งระหว่างกฎหมายที่เป็นทางการกับสิทธิชุมชนที่มีมาแต่โบราณ ประการที่สอง คือการถ่ายทอดความรู้และแนวทางการแก้ไขปัญหาด้านการบริหารจัดการน้ำแก่ชุมชนโดยอาศัยแนวทางเศรษฐกิจแบบองค์รวม (BCG Model) และประการสุดท้าย คือการสร้างคู่มือการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนเฉพาะพื้นที่ การดำเนินงานใช้วิธีการวิจัยเชิงปฏิบัติการที่ประกอบด้วย 6 ขั้นตอนที่เชื่อมโยงกัน เริ่มจากการรับฟังความคิดเห็นจากชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียควบคู่กับการสำรวจพื้นที่อย่างละเอียด เพื่อให้เข้าใจบริบทและปัญหาจริงที่เกิดขึ้น ขั้นตอนที่สองเป็นการออกแบบกิจกรรมบูรณาการเพื่อการพัฒนาโมเดลที่เหมาะสมกับพื้นที่ ตามด้วยการจัดสนทนากลุ่มย่อยเพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างลึกซึ้งและเปิดกว้าง ขั้นตอนที่สี่เป็นการดำเนินงานจัดเวทีสร้างพื้นที่กลางในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างการมีส่วนร่วม ขั้นตอนที่ห้าเป็นการดำเนินหลักสูตรนักกฎหมายชุมชนและคลินิกกฎหมาย ซึ่งเป็นการถ่ายทอดความรู้ทางกฎหมายให้กับชุมชนอย่างเข้าใจง่ายและประยุกต์ใช้ได้จริง และปิดท้ายด้วยการจัดเวทีสรุปการดำเนินงานเพื่อประเมินผลและวางแผนการดำเนินงานต่อไป

โครงการสะท้อนการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านการให้ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแก่ชุมชน การส่งเสริมความรู้และการมีส่วนร่วมด้านระบบนิเวศน้ำจืด และการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน
ในมิติของการใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศทางบก โครงการให้ความรู้และส่งเสริมการจัดการที่ดินเพื่อการเกษตรและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รวมถึงการอนุรักษ์และฟื้นฟูที่ดิน และการพัฒนานโยบายเพื่อจัดการระบบนิเวศทางบกอย่างมีประสิทธิภาพ
การสร้างสังคมสงบสุข ยุติธรรม และไม่แบ่งแยก เกิดขึ้นผ่านการสร้างความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในท้องถิ่นและความร่วมมือทางวิชาการกับหน่วยงานภาครัฐ ขณะที่ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนเกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชน การจัดเวทีเสวนาข้ามภาคส่วน การให้บริการวิชาการ และการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติระหว่างสถาบัน
ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนประชาชนในพื้นที่จำนวน 150 คน ได้เข้าร่วมโครงการและได้รับความรู้ที่จำเป็นในการจัดการทรัพยากรในชุมชนและสิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากรสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ ชุมชนได้รับบริการให้คำปรึกษาข้อปัญหาทางกฎหมายและการติดตามช่วยเหลือทางกฎหมายอย่างต่อเนื่อง

การสร้างพื้นที่แก้ไขปัญหาร่วมกันระหว่างภาคชุมชน ภาครัฐ และภาควิชาการ ทำให้เกิดแนวทางในการพัฒนาและการจัดการทรัพยากรชุมชนที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงแผนการจัดการพื้นที่แก่งละว้าอย่างมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน
ความสำเร็จที่สำคัญคือการจัดตั้งคณะกรรมการและการวางแผนในการแก้ปัญหาแก่งละว้าอย่างมีส่วนร่วม ซึ่งสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในพื้นที่ในการพัฒนา อนุรักษ์ ฟื้นฟู และปกป้องแก่งละว้า การจัดทำแผนแม่บทและข้อเสนอในการพัฒนาแก่งละว้าเพื่อสนับสนุนให้ชุมชนเข้มแข็งและสามารถพึ่งพาตนเองได้ ผลผลิตที่เป็นรูปธรรมของโครงการคือคู่มือการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนสำหรับพื้นที่กรณีศึกษาแก่งละว้า 1 ชุด ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน การมีองค์ความรู้ด้านกฎหมายและสิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และกลไกการทำงานร่วมกันระหว่างชุมชนกับหน่วยงานต่างๆ
โครงการแก่งละว้านี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการบูรณาการระหว่างความรู้ทางวิชาการกับภูมิปัญญาท้องถิ่น การสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาและการอนุรักษ์ และการสร้างกลไกการมีส่วนร่วมที่แท้จริงของประชาชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาว
ลิงก์ข่าว, เพจ Facebook หรือสื่ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง https://www.facebook.com/share/p/1VxSybxFRp/
ผู้ให้ข้อมูลติดต่อกลับ นางสาวภัทรา วรลักษณ์ เบอร์โทร 088-5136681 Line kataiworalak หน่วยงาน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น