การฟื้นฟูภูมิปัญญาการเพาะปลูกแตงร้าน สู่การเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารและรายได้ยั่งยืนในชุมชนบ้านกง
ในพื้นที่ห่างไกลของตำบลบ้านกง อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น ยังคงเก็บรักษาเอาไว้ซึ่งพืชพันธุ์พื้นเมืองอันล้ำค่าที่เรียกว่า “แตงร้าน” หรือที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Cucumis sativus L. พืชชนิดนี้ไม่เพียงแต่เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตและอาหารพื้นบ้าน แต่ยังเป็นขุมทรัพย์ทางธรรมชาติที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ด้วยองค์ประกอบของน้ำถึงร้อยละ 96 ทำให้แตงร้านกลายเป็นอาหารเสริมที่ช่วยดับกระหาย ให้ความชุ่มชื้น และช่วยขับของเสียจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่เกษตรกรในชุมชนเผชิญอยู่คือการขาดความรู้เรื่องการใช้ปุ๋ยอย่างเหมาะสม ทั้งปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ในอัตราส่วนที่ถูกต้อง เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของแตงร้านให้ได้ผลผลิตสูงสุด ปัญหานี้ไม่เพียงส่งผลต่อคุณภาพและปริมาณผลผลิต แต่ยังกระทบต่อรายได้ของครัวเรือนเกษตรกรในชุมชนอีกด้วย

จากความตระหนักในปัญหาดังกล่าว มหาวิทยาลัยขอนแก่นจึงได้ร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกง ริเริ่มโครงการพัฒนาอัตราส่วนการใช้ปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์สำหรับปลูกแตงร้าน เพื่อแก้ไขปัญหาที่รากเหง้าและสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน การดำเนินโครงการเริ่มต้นจากการสร้างนวัตกรรมด้านดินปลูกชีวภาพ โดยนำวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรในท้องถิ่น เช่น ขี้วัว แกลบขาว แกลบดำ ขุยมะพร้าว และเศษใบไม้ผุ มาผสมผสานกันในอัตราส่วนที่เหมาะสม จากนั้นจึงทำการหมักเป็นระยะเวลา 1 เดือน กระบวนการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดปัญหาขยะเหลือทิ้งทางการเกษตร แต่ยังสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัสดุที่เหลือใช้ให้กลายเป็นดินปลูกคุณภาพสูง ความพิถีพิถันในการวิจัยปรากฏชัดผ่านการตรวจสอบคุณภาพดินปลูกในหลายมิติ ทั้งการวิเคราะห์จุลินทรีย์ที่ส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช การวัดค่าความเป็นกรด-ด่าง และค่าการนำไฟฟ้า รวมถึงการทดสอบความสุกสมบูรณ์ของดินหมักผ่านการทดสอบการงอกของเมล็ดพืช ทุกขั้นตอนได้รับการออกแบบอย่างรอบคอบเพื่อให้แน่ใจว่าดินปลูกที่ผลิตขึ้นมีคุณภาพเหมาะสมสำหรับการเพาะปลูก
จุดเด่นของโครงการอยู่ที่การทดลองในสภาพจริงกับเกษตรกรต้นแบบ 3 ครัวเรือน ได้แก่ คุณจุลรัตน์, ผู้ใหญ่บ้านสมพร พานเพ็ง และคุณจันทา นักร้อง โดยแบ่งการทดลองออกเป็น 9 ทรีทเมนต์ที่แตกต่างกัน เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของการใช้ดินหมักร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมีในสัดส่วนต่างๆ การออกแบบการทดลองนี้ช่วยให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมและน่าเชื่อถือ ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในวงกว้างได้

ผลลัพธ์ที่ได้จากโครงการนี้สะท้อนถึงความสำเร็จในหลายมิติ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการได้รับความรู้เรื่องอัตราส่วนปุ๋ยที่เหมาะสมสำหรับการปลูกแตงร้าน ซึ่งส่งผลให้สามารถเพิ่มผลผลิตและสร้างรายได้ให้สูงขึ้น นอกจากนี้ การใช้วัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรในการผลิตดินปลูกยังช่วยลดต้นทุนการผลิตและสร้างความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โครงการนี้ตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนหลายประการอย่างชัดเจน การช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางและผู้มีรายได้น้อยในชุมชนผ่านการเพิ่มผลผลิตและรายได้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการขจัดความยากจน ขณะเดียวกัน การอนุรักษ์และส่งเสริมการปลูกพืชพันธุ์พื้นถิ่น การให้ความรู้ด้านความมั่นคงทางอาหาร และการฝึกอบรมทักษะอาชีพแก่ชุมชน ล้วนเป็นการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยขอนแก่นและองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกงในโครงการนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อแก้ปัญหาความยากจน การทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการทำให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้จากสถาบันการศึกษาสู่ชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ นอกเหนือจากผลกระทบทางเศรษฐกิจแล้ว โครงการยังสร้างผลกระทบเชิงสังคมและสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ การส่งเสริมให้ชุมชนใช้ประโยชน์จากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรช่วยลดปัญหาขยะและสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนในระดับชุมชน ขณะที่การอนุรักษ์พืชพันธุ์พื้นเมืองช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่สืบต่อไป การเผยแพร่องค์ความรู้ที่ได้จากงานวิจัยนี้สู่ชุมชนวงกว้างจะเป็นการขยายผลกระทบเชิงบวกให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น เกษตรกรในพื้นที่อื่นๆ จะสามารถนำความรู้เรื่องอัตราส่วนปุ๋ยที่เหมาะสมและเทคนิคการผลิตดินปลูกชีวภาพไปประยุกต์ใช้ ส่งผลให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนในวงกว้าง
โครงการพัฒนาอัตราส่วนการใช้ปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์สำหรับปลูกแตงร้านนี้ จึงเป็นมากกว่าการวิจัยทางวิชาการ แต่เป็นการสร้างสะพานเชื่อมระหว่างความรู้สมัยใหม่กับภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร และเป็นการสร้างแบบอย่างการพัฒนาที่เน้นความยั่งยืนและการมีส่วนร่วมของชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับปณิธานของมหาวิทยาลัยขอนแก่นในการเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อสังคมและท้องถิ่นอย่างแท้จริง