ความร่วมมือระดับนานาชาติในการจัดเก็บและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อสนับสนุนการติดตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (International collaboration data gathering for SDG)
มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ได้แสดงบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในเวทีนานาชาติและระดับประเทศ ภายใต้แนวคิด “Collaborations for the SDGs” (ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน) โดยใช้กลไกความร่วมมือทางวิชาการและการวิจัยเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อน เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายระดับโลกและระดับชาติ
ภาพรวมความร่วมมือระดับโลกและเครือข่าย มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ขยายเครือข่ายความร่วมมืออย่างกว้างขวางเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และดำเนินโครงการวิจัยร่วมกัน กว่า 300 MOU มหาวิทยาลัยและองค์กรพันธมิตรทั่วโลก ซึ่งแสดงถึงความไว้วางใจและความเป็นที่ยอมรับในผลงานวิชาการและศักยภาพของมหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นสมาชิกและมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในเครือข่ายมหาวิทยาลัยชั้นนำของภูมิภาคและโลก เพื่อสร้างผลงานเด่นด้านความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เช่น
ด้านสุขภาพ (SDG 3: สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี)
ความร่วมมือระดับโลกและระดับชาติถูกนำมาใช้เพื่อยกระดับระบบบริการสุขภาพ โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น การวิจัยโรคเขตร้อน มีการลงนามความร่วมมือกับองค์กรวิจัยนานาชาติในการวิจัยและควบคุมโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี (CCA) ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในภูมิภาค และพัฒนานวัตกรรมการรักษา: ร่วมมือกับภาคเอกชนและโรงพยาบาลชั้นนำในการพัฒนาระบบการรักษาพยาบาลทางไกล (Telemedicine) และนวัตกรรมด้าน AI ในการวินิจฉัยโรค เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสุขภาพ
ด้านสิ่งแวดล้อม (SDG 13, 14, 15: การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการจัดการทรัพยากร)
ความร่วมมือถูกนำมาใช้เพื่อจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมเร่งด่วน โดยเฉพาะปัญหาการเกษตรและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
โดยมหาวิทยาลัยขอนแก่นมีการรับมือ PM2.5 โดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน (เช่น โรงงานน้ำตาล) เพื่อวิจัยและพัฒนากลไกความร่วมมือในการลดการเผาในที่โล่ง โดยมีข้อมูลและงานวิจัยเป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและมีการทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านพลังงานเพื่อวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่ลดการปล่อยคาร์บอน มุ่งเป้าให้มหาวิทยาลัยเป็นต้นแบบ Carbon Neutrality และขยายผลสู่การจัดการสิ่งแวดล้อมในระดับชุมชน
ด้านสังคม (SDG 1, 10: การขจัดความยากจนและความเหลื่อมล้ำ)
การใช้เครือข่ายความร่วมมือในการนำองค์ความรู้ไปสู่การแก้ปัญหาความยากจนเชิงโครงสร้าง เช่น การพัฒนาพื้นที่ผ่านเครือข่ายความร่วมมือกับจังหวัดและหน่วยงานรัฐบาล มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ขยายผล “มหาวิทยาลัยขอนแก่น โมเดล” ในการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบรายครัวเรือน โดยใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ในการชี้เป้าและออกแบบการช่วยเหลือที่ตรงจุด
การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก: ร่วมมือกับองค์กรพัฒนาเอกชนและสถาบันทางการเงินในการสร้างองค์ความรู้ด้านการตลาดและนวัตกรรมให้กับ SMEs และกลุ่มเกษตรกร เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
สรุป: ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้พิสูจน์ตนเองในฐานะ “มหาวิทยาลัยผู้นำด้านความร่วมมือระดับโลก” การมีเครือข่ายกว่า 300 แห่งและการเป็นสมาชิกเครือข่ายสำคัญ ทำให้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น สามารถนำเอา “ภูมิปัญญา” และ “เทคโนโลยี” จากทั่วโลกมาผสานกับโจทย์ปัญหาของไทย โดยมุ่งเน้นการสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืนตามเป้าหมาย SDGs ในด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และสังคม
ด้านการขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจผ่านความร่วมมือ (SDG 8 & 9)
มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีความร่วมมือทางวิชาการและ MOU กับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศได้ถูกนำมาใช้เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาคและระดับประเทศ เช่น การเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) โดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการเปลี่ยนผ่านภาคเกษตรกรรมของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ให้มีมูลค่าสูงขึ้น โดยมีความร่วมมือกับรัฐและเอกชน (เช่น สศช., กระทรวงเกษตรฯ) และกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารขนาดใหญ่ เพื่อผลักดัน “Khon Kaen Bioeconomy” ในฐานะกลไกหลักของประเทศและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและนวัตกรรมอัจฉริยะ (Smart City & Digital Economy)
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นแกนหลักในการเชื่อมโยงนักวิจัยและเอกชนด้านเทคโนโลยีเข้ากับการพัฒนาเมืองและโครงสร้างพื้นฐานผ่านโครงการขอนแก่นเมืองอัจฉริยะ (KKC Smart City): มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับหน่วยงานรัฐบาลและบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำในการวางผังแม่บทและนำร่องเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งอัจฉริยะ (LRT), การบริหารจัดการพลังงาน, และโครงข่ายดิจิทัล ความร่วมมือนี้ช่วยให้เมืองขอนแก่นเป็นต้นแบบการพัฒนาเมืองที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Transformation)
การสร้างพื้นที่นวัตกรรม (Innovation Ecosystem): มีความร่วมมือกับหน่วยงานสนับสนุน Startups และ Venture Capital เพื่อสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการพัฒนาธุรกิจเทคโนโลยี โดยใช้ทรัพยากรของมหาวิทยาลัยเป็นแหล่งบ่มเพาะบุคลากรและเทคโนโลยี รวมทั้งการยกระดับผู้ประกอบการ เพื่อร่วมมือกับสถาบันทางการเงินและหน่วยงานส่งเสริมผู้ประกอบการในการจัดทำหลักสูตรเสริมสร้างทักษะทางธุรกิจและการบริหารจัดการให้กับกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในภูมิภาค
ปี 2568 มหาวิทยาลัยมีความร่วมมือกับหน่วยงานในระดับชาติเพื่อรวบรวมข้อมูลด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนและการวิจัยระหว่างประเทศ ดังนี้
มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมมือกับ The Institute of Geography of the University of Cologne, Germany ด้านการเปลี่ยนแปลงของเมืองชายแดนอันเนื่องมาจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ลงนามขยายข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการกับ The Institute of Geography of the University of Cologne, Germany โดย Professor Dr. Frauke Krass จากประเทศสหพันธรัฐเยอรมนี เพื่อสานต่อพันธกิจในการพัฒนาองค์ความรู้และศักยภาพบุคลากรด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์และผังเมืองอย่างต่อเนื่อง โครงการศึกษาภาคสนามดังกล่าวจะประกอบด้วยกิจกรรมการเก็บข้อมูล การอภิปราย และการนำเสนอผลการศึกษาดูงานในพื้นที่จริง เพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงพลวัตการเปลี่ยนแปลงของเมืองชายแดนอันเนื่องมาจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
นอกจากนี้ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้เข้าพบ รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในการอนุญาตให้นำคณะผู้แทนจาก The Institute of Geography of the University of Cologne, Germany เข้าเยี่ยมคารวะและสรุปผลการดำเนินโครงการร่วมกัน ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 11.00 น.
ที่ผ่านมา คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และ The Institute of Geography of the University of Cologne ได้ดำเนินกิจกรรมความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการประชุมวิชาการ ForUM Expert Seminar, โครงการสัมมนาและฝึกปฏิบัติด้านการวางแผนภาคและเมือง, การประชุมวิชาการระดับนานาชาติ ForUM Urban Experts Conference ในหัวข้อ “การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านการดำเนินการของ SDGs” และการแลกเปลี่ยนอาจารย์เพื่อศึกษาวิจัย ณ ประเทศเยอรมนี
การขยายข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้ จะมีระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2568 ภายใต้กรอบความร่วมมือด้านการเรียนการสอน การฝึกอบรม การวิจัย และการแลกเปลี่ยนบุคลากรและนักศึกษา ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น สามารถผลิตบัณฑิตและงานวิจัยที่มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และตอบสนองต่อความต้องการของประเทศชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มหาวิทยาลัยขอนแก่นผนึกกำลัง GUFL สาธารณรัฐประชาชนจีน ขยายความร่วมมือด้านการศึกษา ภาษาและวัฒนธรรม เพื่อยกระดับงานวิจัยสู่ระดับนานาชาติ
วันอังคารที่ 23 กันยายน 2568 มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ร่วมกับ Guangxi University of Foreign Languages (GUFL) สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมี รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย ได้แก่ รศ.ดร.เพ็ญศรี เจริญวานิช รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและนวัตวณิชย์ ผศ.ดร.อัจฉราวรรณ โตภาคงาม ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายการต่างประเทศ และคณบดีคณะต่าง ๆ ร่วมให้การต้อนรับ ศ.ดร.หวง ช่าน (HUANG Can) รองประธานผู้ก่อตั้ง Guangxi University of Foreign Languages (GUFL) และคณะผู้บริหารจาก Guangxi University of Foreign Languages ณ ห้องประชุมสารสิน ชั้น 2 อาคารสิริคุณากร
รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่นมุ่งส่งเสริมความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาต่างประเทศในทุกมิติ ทั้งการแลกเปลี่ยนนักศึกษาและบุคลากร การทำวิจัยร่วม การพัฒนาการเรียนการสอน รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ด้านวัฒนธรรม ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการกับสถาบันในสาธารณรัฐประชาชนจีนกว่า 30 ฉบับ และมีนักศึกษาจีนเลือกศึกษาที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นมากที่สุดในบรรดานักศึกษาต่างชาติในปี 2568 รวม 391 คน
“การลงนามในครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะช่วยเสริมศักยภาพด้านการศึกษาและการวิจัยของทั้งสองสถาบัน พร้อมยกระดับนักศึกษาให้มีความรู้ ทักษะ และวิสัยทัศน์ของพลเมืองโลก โดยเบื้องต้นจะมีการดำเนินกิจกรรมร่วมกับคณะสหวิทยาการ บัณฑิตวิทยาลัย และวิทยาลัยบัณฑิตศึกษาการจัดการ และเชื่อมั่นว่าจะขยายความร่วมมือไปยังส่วนงานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาการศึกษาให้เจริญก้าวหน้าร่วมกันในอนาคต”
ด้าน ศ.ดร.หวง ช่าน (HUANG Can) รองประธานผู้ก่อตั้ง Guangxi University of Foreign Languages (GUFL) กล่าวว่า GUFL มีความยินดีอย่างยิ่งที่สร้างความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเป็นสถาบันชั้นนำของประเทศไทย ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางวิชาการแต่ยังเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงในการพัฒนานักศึกษา บุคลากร และวิจัย Guangxi University of Foreign Languages (GUFL) สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำในเขตปกครองตนเองกว่างซี มีความเชี่ยวชาญด้านภาษาและการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรมโดยเปิดสอนหลากหลายหลักสูตรในระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษา ทั้งในด้านภาษาต่างประเทศ ธุรกิจระหว่างประเทศและการบริหารการศึกษา อีกทั้งยังมีความร่วมมือกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยนานาชาติจำนวนมาก
“ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ได้มาเยือนมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อทำความรู้จักกันและพัฒนาความสัมพันธ์ให้ลึกซึ้งสู่การเป็นญาติสนิทต่อไปในอนาคต GUFL เชื่อมั่นว่าเป็นสถาบันชั้นนำที่จะเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งทั้งในด้านวิชาการและงานวิจัยอย่างยั่งยืน พร้อมร่วมกันผลักดันให้นักศึกษาได้เดินทางไปแลกเปลี่ยนระหว่างทั้งสองสถาบันเพื่อสร้างบัณฑิตคุณภาพต่อไปในอนาคต”
มหาวิทยาลัยขอนแก่นขยายความร่วมมือด้านวิชาการทาง สาธารณสุข ปัญญาประดิษฐ์ (AI) วิทยาการข้อมูล (Data Science) และความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
วิทยาลัยการคอมพิวเตอร์ และ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำโดย นายสุรพล เพชรวรา อุปนายกสภามหาวิทยาลัย และ รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่นพร้อมด้วย ศ.ดร.วงศา เล้าหศิริวงศ์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์, รศ.ดร.สิรภัทร เชี่ยวชาญวัฒนา คณบดีวิทยาลัยการคอมพิวเตอร์, อ.ดร.ศรัณย์ อภิชนตระกูล รองคณบดีฝ่ายบริหาร, ผศ.ดร.สาธิต กระเวนกิจ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายดิจิทัล, ผศ.ดร.คำรณ สุนัติ อาจารย์ประจำวิทยาลัยการคอมพิวเตอร์ และคณาจารย์จากคณะสาธารณสุขศาสตร์ เดินทางเยือนประเทศเบลเยียมและเนเธอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 28 เมษายน – 2 พฤษภาคม 2568 เพื่อหารือความร่วมมือทางวิชาการและวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก 3 แห่ง ได้แก่ KU Leuven, Leiden University และ University of Twente
ระหว่างวันที่ 28–30 เมษายน 2568 คณะผู้บริหาร มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้เข้าหารือและลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการกับ มหาวิทยาลัย KU Leuven ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงโดยมี นางกาญจนา ภัทรโชค เอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทีมประเทศไทยร่วมเป็นสักขีพยาน ถือเป็นก้าวสำคัญของ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือเชิงรุกกับสถาบันระดับโลกที่มีความแข็งแกร่งทั้งด้านการเรียนการสอนและวิจัย จากนั้นได้มีการหารือและแลกเปลี่ยนในหัวข้อที่เน้นด้าน การแพทย์ สาธารณสุข ปัญญาประดิษฐ์ (AI) วิทยาการข้อมูล (Data Science) และความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ซึ่งมหาวิทยาลัย KU Leuven เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่และทรงคุณค่าทางวิชาการของยุโรป ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 43 ของโลก และอันดับ 44 ในด้าน Computer Science จากการจัดอันดับโดย Times Higher Education World University Rankings 2025
ต่อเนื่องในวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ตัวแทนจากวิทยาลัยการคอมพิวเตอร์ และ คณะผู้บริหาร มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้เยือน Leiden Institute of Advanced Computer Science (LIACS), Leiden University ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งอยู่ในลำดับที่ 73 ของโลก จากการจัดอันดับโดย Times Higher Education World University Rankings 2025 และเป็นพันธมิตรเดิมที่มีความร่วมมือกับวิทยาลัยการคอมพิวเตอร์มายาวนาน ผ่านโครงการ Erasmus+ การวิจัยร่วมและการแลกเปลี่ยนนักศึกษา-คณาจารย์ เนื้อหาการหารือในครั้งนี้ ได้แก่ การพัฒนาหลักสูตรร่วม (Joint Curriculum Development) โครงการวิจัยร่วม และการแลกเปลี่ยนบุคลากรและนักศึกษาระหว่างสองมหาวิทยาลัย เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาและตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะเทคโนโลยีอุบัติใหม่ เช่น Quantum Information Technology และ Cybersecurity
วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ตัวแทนจากวิทยาลัยการคอมพิวเตอร์ และ คณะผู้บริหาร มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้เข้าหารือความร่วมมือกับ Faculty of Geo-Information Science and Earth Observation (ITC), University of Twente ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งอยู่ในลำดับที่ 180 ของโลก จากการจัดอันดับโดย Times Higher Education World University Rankings 2025 โดย ITC ถือเป็นหนึ่งในสถาบันชั้นนำของโลกด้านการศึกษาทางวิชาการ งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และการพัฒนาเทคโนโลยีในด้านการสำรวจโลกและสารสนเทศภูมิศาสตร์ โดยมีบทบาทอย่างกว้างขวางทั่วโลกในการผลักดันเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (United Nations Sustainable Development Goals) ในหลายด้าน เช่น ความมั่นคงทางอาหารและการเกษตร การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน สุขภาพเชิงภูมิสารสนเทศ การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพัฒนาเมืองและเมืองอัจฉริยะ การลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ และการบริหารจัดการที่ดิน โดยมุ่งเน้นด้าน การแลกเปลี่ยนนักศึกษาวิจัย และบริการวิชาการ ในด้านเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศและการจัดการทรัพยากรโลก โดยวิทยาลัยการคอมพิวเตอร์และ ITC มีการหารือความร่วมมือในงานวิจัยด้านการติดตาม บริหารจัดการ และป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติ รวมไปถึงความร่วมมือทางวิชาการในการพัฒนาหลักสูตรร่วม การแลกเปลี่ยนบุคลากร นักศึกษา และการเป็นที่ปรึกษาร่วมให้กับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาในหลักสูตรภูมิสารสนเทศศาสตร์ (Geoinformatics)
การเยี่ยมชม หารือ และลงนามความร่วมมือกับทั้งสามสถาบัน ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของมหาวิทยาลัยขอนแก่นในการผลักดันนโยบายการยกระดับความเป็นนานาชาติ (Internationalization) ทั้งในด้านวิชาการ วิจัย และการพัฒนาหลักสูตรสู่ระดับโลก อีกทั้งยังเป็นการสร้างฐานความร่วมมือที่มั่นคงเพื่อส่งเสริมศักยภาพของบุคลากรและนักศึกษาของมหาวิทยาลัยในอนาคต
มหาวิทยาลัยขอนแก่น จับมือ National Taiwan University เดินหน้าวิจัยเทคโนโลยี Biosensor ระดับนานาชาติ
มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยคณะเทคนิคการแพทย์ จับมือ National Taiwan University เดินหน้าวิจัยเทคโนโลยี Biosensor ระดับนานาชาติ โดยมหาวิทยาลัยได้มีการได้ประสานความร่วมมือด้านการพัฒนา Biosensor ทั้งในด้านการเรียนการสอนและการวิจัย กับผู้เชี่ยวชาญในสาขา Biomechatronics Engineering, National Taiwan University, Taiwan เมื่อวันที่ 5 – 6 พฤษภาคม 2568 คณะผู้บริหาร นำโดย รศ.ดร.ทนพญ.จุรีรัตน์ ดาดวง คณบดีคณะเทคนิคการแพทย์ ผศ.ดร.ทนพญ.พัชราภรณ์ ทิพยวัฒน์ รองคณบดีฝ่ายวิจัย ผศ.ดร.ทนพ.อัฐวุฒิ ไชยบุญเรือง ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายการต่างประเทศและดิจิทัล ผศ.ดร.ทนพญ.โมลิน ว่องวัฒนากูล ผู้อำนวยการศูนย์ CISMaP ได้ร่วมหารือเชิงลึกและลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) กับ Professor Chien-Yu Chen, Chair of Department of Biomechatronics Engineering, National Taiwan University
โดยความร่วมมือนี้มีเป้าหมายเพื่อผลักดันการพัฒนานวัตกรรม Biosensor สำหรับการประยุกต์ใช้ในทางการแพทย์ นอกจากนี้ คณะฯ ยังได้ส่งนักศึกษาสาขาเทคนิคการแพทย์ ชั้นปีที่ 3 จำนวน 5 คน เพื่อศึกษาดูงาน และร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ทางด้านการวิจัยและการทำปฏิบัติการเกี่ยวกับ Biosensor ณ National Taiwan University ระหว่างวันที่ 5 – 16 พฤษภาคม 2568 ภายใต้การดูแลของ Professor Yen-Wen Lu ผู้เชี่ยวชาญในด้าน Microfluidics, DNA Sensor, Soft Robotics นักศึกษาได้ร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางวิชาการ และฝึกปฏิบัติการในห้องปฏิบัติการชั้นนำ เพื่อเสริมสร้างทักษะการวิจัยในระดับนานาชาติ
ความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็น อีกก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพทางวิชาการของคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น สู่เวทีโลก และเตรียมความพร้อมนักศึกษาไทยสู่การเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีชีวการแพทย์แห่งอนาคต
